ออกมาด้วยกัน 3 รุ่น กับ GoPro Hero 7 หลายๆ ท่านอาจจะงงกันว่า แล้วไอ้เจ้า 3 รุ่นนี้มันแตกต่างกันยังไง แล้วตัวเราเองจะเหมาะกับรุ่นไหน?? มาดูกันนนน

มมม

ทั้ง 3 รุ่นนี้ เรามาเริ่มกันที่รุ่น Gopro Hero 7 White กัน ซึ่งเจ้าตัว Hero 7 White นี้จะราคาถูกที่สุดใน GoPro Hero 7 เลยก็ว่าได้ ฟังก์ชั่นหลักๆ ก็จะมี

• ถ่ายวิดีโอความละเอียด Full HD, 1440 p60
• ถ่ายภาพนิ่งได้ 10 ล้านพิกเซล
• มีระบบกันสั่นแบบ Electronic Video Stabilizer
• ถ่ายวิดีโอ Slo-mo 2x
• และยังมีฟังก์ชั่นเดิมที่มาจาก GoPro Hero 6 คือ คำสั่งเสียง / กันน้ำได้ 10 เมตร / หน้าจอสัมผัส
• ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 7,200 บาทถ้วน 

มมม

รุ่นต่อมาจะเป็นรุ่น Gopro Hero 7 Silver 

• ถ่ายวิดีโอความละเอียด สูงสุดได้ที่ 4K (30fps) และถ่ายภาพนิ่งได้ 10 ล้านพิกเซล
• มีระบบ GPS สำหรับเก็บข้อมูลความเร็ว, เส้นทางและระยะทาง
• ระบบกันสั่น Electronic Video Stabilizer
• ถ่ายวิดีโอ Slo-mo 2x
• และยังมีฟังก์ชั่นเดิมที่มาจาก GoPro Hero 6 คือ คำสั่งเสียง / กันน้ำได้ 10 เมตร / หน้าจอสัมผัส
• ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 10,800 บาท ครับผม!!

,,,,

รุ่นสุดท้ายคือ GoPro Hero 7 Black รุ่นนี้มาพร้อมฟังก์ชั่นใหม่ๆ

• ถ่ายวิดีโอความละเอียด สูงสุดได้ถึง 4K 6ofps
• ถ่ายภาพนิ่งได้ 12 ล้านพิกเซล
• มีระบบกันสั่นแบบ HyperSmooth ลดการสั่นไหวของภาพเสมือนมี Gimbal ในตัว!!
• โหมด TimeWarp หรือที่เรียกกันว่า "Hyperlapse" ที่ถ่ายภาพเคลื่อนไหวเร็วแบบ Time lapse ได้ไหลลื่นขึ้น ถ่ายเร่งความเร็วได้ถึง 30x
• เพิ่มระบบ Live Stream ผ่านทาง facebook, Twitch, Youtube, Vimeo ฯลฯ โดยจะบันทึกวิดีโอที่ Live เอาไว้ใน SD card เอาใจสาวกโซเขียลโดยเฉพาะ!!
• การถ่ายภาพที่ดีขึ้น มีทั้ง HDR, Local Tone Mapping และระบบลด noise ในภาพแบบ Multi-frame
• ระบบไมโครโฟนที่ปรับใหม่ ลดเสียงรบกวนต่างๆ ที่ไม่ต้องการระหว่างที่ถ่ายวิดีโอได้ดีกว่าเดิม
• ถ่ายวิดีโอ Slo-mo 8x (1080p240)
• ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 14,500 บาทเท่านั้น!

ใใใ

ผ่านไปแล้วทั้ง 3 รุ่น ถ้าใครชอบแบบธรรมดา ถ่ายภาพโอเค ก็ต้องเป็นรุ่น Hero 7 White แต่ถ้าอยากเพิ่ม GPS และภาพดีขึ้นมาหน่อยก็ต้องตัว Hero 7 Silver แต่ถ้าสาวกโซเชียล หรือแม้แต่ สาวกกีฬาแอ็คตรีมนี่ต้องรุ่นท็อปอย่างตัว Hero 7 Black เลยคร้าบบ ตอบโจทย์ทุกตัว หิ้วตัวนี้ไปรับรองไม่ผิดหวัง!!!