มมม

1. ดีไซน์ใหม่

มาพร้อมดีไซน์ที่ถูกปรับให้ท่านยุคสมัย พร้อมทั้งยังมีรุ่น titanium เหมาะสำหรับการผจญภัยด้วยการออกแบบให้ทนทานพร้อมตัวเรือน, ปุ่มและฝาปิดด้านหลังสแตนเลสหรือไทเทเนียมคาร์บอนคล้ายเพชร (DLC)

มมม

2. รองรับแผนที่

รองรับระบบแผนที่ TOPO แบบสีซึ่งมีการกำหนดเส้นทางยอดนิยมของ Trendline™ เพื่อช่วยคุณค้นหาและไปตามเส้นทางที่ดีที่สุด

มมม

3. ระยะเวลาในการใช้งาน

ส่วนมากรุ่น Fenix 5X plus จะมีระยะการใช้งานได้ดีกว่ารุ่นเก่านั้นคือ Fenix 5X Plus แม้ในโหมด UltraTra ที่จะใช้งานได้นานสูงสุดถึง 64 ชั่วโมง แต่กับรุ่น Fenix 5 plus และ Fenix 5S plus จะเป็นรองรุ่นเก่าอย่างตัว Fenix 5 และ Fenix 5S อยุ่ เพราะรุ่นใหม่จะบิ้วอินฟังก์ชั้นมากกว่าเดิมเลยทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยลงนิดหน่อย

,,, แะล,

4. ฟังเพลงได้

คุณจะได้เพลิดเพลินกับการฟังเพลงโดยไม่ต้องใช้โทรศัพท์ขณะเดินทาง นาฬิกาของคุณมีเนื้อที่เก็บข้อมูลมากพอสำหรับ 500 เพลง ดังนั้นจึงสามารถดาวน์โหลดเพลงโปรดได้อย่างง่ายดายเพื่อพกติดตัวไปฟังผ่านหูฟัง (จำหน่ายแยกต่างหาก) ที่ใช้เทคโนโลยี Bluetooth® ไม่ว่าคุณจะวิ่ง ขี่จักรยาน เดินป่า หรือแค่พักดื่มกาแฟ

มมม

5. Garmin Pay (ยังไม่รองรับในประเทศไทย)

สามารถใช้จ่ายผ่านมือถือของท่านได้โดยไม่ต้องหยีบบัตรเครดิตออกมา

มมม

6.รองรับ Galileo

เป็นระบบนำทางของประเทศยุโรป เซนเซอร์นำทางภายในประกอบด้วยเข็มทิศสามแกน, ไจโรสโคปและเครื่องวัดความสูงในบรรยากาศ รวมทั้งสมรรถนะในเครือข่ายดาวเทียมหลายดวง (GPS, GLONASS และ Galileo) ในการติดตามเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากมากกว่าใช้แค่ GPS เพียงอย่างเดียว

มมม

7. Around Me Mode

โหมดนำทางที่แสดงสิ่งรอบตัว ณ ขนาดนั้น เช่น จะมองเห็นร้านอาหาร  เส้นทาง สถานที่รอบๆ  ณ ที่เราอยู่ตรงนั้น

มมม

8.Auto CourseView updates(กอล์ฟ)

ในโหมดนี้จะอัพเดทสนามกอล์ฟที่เล่นประจำฟรีโดยอัตโนมัติ

9. ข้อแถม (ราคาที่ต่างกัน)

ทั้งหมดทั้งมวลจะต่างกันอย่างอื่นไม่ได้นอกจากราคา โดยรุ่นใหม่อย่าง Plus series ราคาจะสูงกว่ารุ่นเก่าราวๆ 6000 บาทขึ้นไปเลยทีเดียว แต่ก็จะมีโปรโมชันมากมายในบางช่วง ต้องติดตามกันให้ดีๆ กดติดดาวเพจ lnwgadget store จะไม่พลาดทุกโปรโมชั่นจ้าาาาา ///